รัชกาล ของ พระเจ้าการ์ลุชที่ 1 แห่งโปรตุเกส

การ์ลุชขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 1889 หลังจากคำขาดของอังกฤษ ค.ศ. 1890 ได้มีการลงนามสนธิสัญญาหลายฉบับร่วมกับสหราชอาณาจักร ประเทศหนึ่งลงนามในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1890 ได้กำหนดเขตแดนอาณานิคมตามแม่น้ำซัม เบซี และคองโกในขณะที่อีกประเทศหนึ่งลงนามเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1899 ได้ยืนยันสนธิสัญญาเกี่ยวกับอาณานิคมย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 17 สนธิสัญญาเหล่านี้รักษาสมดุลทางการเมืองในแอฟริกา ยุติการเรียกร้องอธิปไตยของโปรตุเกสบนแผนที่สีชมพูแนวความคิดทางภูมิศาสตร์ว่าอาณานิคมของโปรตุเกสจะปรากฏบนแผนที่อย่างไรหากอาณาเขตระหว่างอาณานิคมชายฝั่งของแองโกลาและโมซัมบิกสามารถเชื่อมต่อกับอาณาเขตในแอฟริกากลางได้ ดินแดนแอฟริกากลางเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษโดยสัมปทานของโปรตุเกสกลายเป็นที่มาของความขุ่นเคืองระดับชาติในประเทศ[ต้องการอ้างอิง]

ในประเทศโปรตุเกสประกาศล้มละลายสองครั้ง 14 มิถุนายน ค.ศ. 1892 จากนั้นอีกครั้งในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1902 ก่อให้เกิดความวุ่นวายทางอุตสาหกรรม การต่อต้านสังคมนิยมและสาธารณรัฐ และการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ การ์ลุชตอบโต้ด้วยการแต่งตั้งฌูเอา ฟรังโกเป็นนายกรัฐมนตรีและยอมรับการยุบสภาในเวลาต่อมา

ในฐานะผู้อุปถัมภ์วิทยาศาสตร์และศิลปะ พระองค์ได้มีส่วนร่วมในการฉลองครบรอบ 500 ปีการประสูติของเจ้าชายเฮนรีนักเดินเรือในปี ค.ศ. 1894 ในปีต่อมา พระองค์ได้ประดับประดากวีชาวโปรตุเกส João de Deus ในพิธีที่กรุงลิสบอน[ต้องการอ้างอิง]

พระองค์สนใจการสำรวจใต้ท้องทะเลและการเดินเรือเป็นการส่วนตัว และใช้ เรือยอทช์ หลายลำชื่ออาเมเลียในการเดินทางทางทะเลของเขา เขาได้ตีพิมพ์รายงานการศึกษาของตนเองในด้านนี้

การลอบปลงพระชนม์

ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 พระราชวงศ์เสด็จกลับจากวิลลา วีคอซาไปยังกรุงลิสบอน ทรงประทับในรถโค้ชไปบาร์เบโรจากนั้นทรงประทับเรือข้ามแม่นํ้าเทกัสและเสด็จลงเรือยังกาอิสโดโซเดร ระหว่างทางเสด็จกลับพระราชวังอาจูดาในพระราชพาหนะขณะผ่านปรากาโดกอมเมอซิโอในยามคํ่าคืนมีคนประทุษร้ายอย่างน้อย 2 คน คือ อัลเฟรโด ลูอิช ดา คอสตากับมานูแวล บุยตา

บุยตาอดีตมียศจ่าสิบเอกและแม่นปืน ยิงปืนยาว 5 นัด พระองค์เสด็จสวรรคตทันที แต่เจ้าชายลูอิช ฟิลิเป รัชทายาททรงบาดเจ็บสานัส เจ้าชายมานูแวลทรงถูกตีที่แขน เหลือราชินีพระองค์เดียวที่ไม่ได้ทรงบาดเจ็บ มือสังหาร 2 คน ถูกฆ่าโดยตำรวจในที่เกิดเหตุ ฌูเอา ดา คอสตา ผู้เห็นเหตุการณ์ก็ถูกยิงเสียชีวิตด้วยความสับสนรถม้าของราชวงศ์เปลี่ยนเป็น Navy Arsenal ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ที่ซึ่งประมาณ 20 นาทีต่อมา เจ้าชายลูอิชสิ้นพระชนม์ หลายวันต่อมา เจ้าชายมานูแวล พระราชโอรสพระองค์เล็ก ได้ประกาศขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์โปรตุเกส พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์บรากังซา-ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา.[ต้องการอ้างอิง]